หัวเว่ย ร่วมจัดแสดงนวัตกรรมดิจิทัลในงาน อว. แฟร์ : SCI POWER FOR FUTURE THAILAND
ส่งเสริมผู้มีความสามารถด้านดิจิทัล เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ยุคอัจฉริยะ
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (กลาง) ทรงพระฉายาลักษณ์ร่วมกับคณะรัฐมนตรีและพันธมิตรผู้จัดงาน อว. แฟร์ ทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. และนายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัดกระทรวง อว. รวมทั้งนายเอดิสัน สวี่ คณะกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด (แถวยืนที่ 9 จากขวา)
หัวเว่ยร่วมมือกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ส่งเสริมความรู้ด้านดิจิทัลและเร่งพัฒนาบุคลากรดิจิทัลคุณภาพสูงในประเทศไทย เพื่อมุ่งเน้นการเสริมสร้างศักยภาพด้านดิจิทัลของประเทศ และก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคอาเซียน
ที่ผ่านมาหัวเว่ย ประเทศไทย ได้ร่วมมือกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และหน่วยงานภายใต้กระทรวง อาทิ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ในการพัฒนากำลังคน ผ่านความร่วมมือในโครงการต่างๆ โดยตัวอย่างความร่วมมือระหว่างกระทรวง อว.และหัวเว่ย คือ การจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมหัวเว่ย อาเซียน อะคาเดมี ประเทศไทย Huawei ASEAN Academy (Thailand) เพื่อร่วมกันพัฒนาบุคคลากรที่มีทักษะด้านดิจิทัล ทั้งในด้านคลาวด์และ AI
ทั้งนี้ Huawei ASEAN Academy (Thailand) ได้มีส่วนช่วยพัฒนาบุคลากรด้านดิจิทัลไปแล้วกว่า 96,000 คน ในประเทศไทย ครอบคลุมหลากหลายสาขาวิชาชีพ ตั้งแต่ผู้เชี่ยวชาญด้าน ICT ไปจนถึงวิศวกรโซลาร์และนักเรียนในชนบท
ในขณะที่ ประเทศไทยกำลังก้าวสู่การเป็นประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยเศรษฐกิจดิจิทัล หัวเว่ยมุ่งมั่นที่จะพัฒนาบุคลากรทางด้านดิจิทัลรวมทั้งสิ้น 100,000 คน ภายในปี 2568 ผ่านโปรแกรมการฝึกอบรมต่างๆ เช่น การอบรมผู้นำระดับ CEO นักพัฒนาคลาวด์ AI และวิศวกรด้านพลังงานสีเขียว
Huawei ASEAN Academy (Thailand) ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลของประเทศไทยใน 4 ทิศทางหลัก:
• สถาบันธุรกิจ: มุ่งเน้นการสร้างผู้นำและนักยุทธศาสตร์สำหรับประเทศไทย จนถึงขณะนี้ หัวเว่ยได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐมากกว่า 10 แห่งและผู้บริหารองค์กร ในการฝึกอบรมด้าน 5G, Cloud, AI และความปลอดภัยทางไซเบอร์
• สถาบันเทคนิค: จัดตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาผู้สร้างสรรค์ขั้นสูงและนักนวัตกรรมในอนาคต ซึ่งรวมถึงการแข่งขัน ICT ระดับมหาวิทยาลัยพร้อมทุนการศึกษามูลค่ากว่า 1 ล้านบาท โครงการ Seeds for the Future, โปรแกรมนักพัฒนาคลาวด์ 20,000 คน และการบ่มเพาะสตาร์ทอัพ
• สถาบันวิศวกรรม: มุ่งเน้นไปที่ผู้ปฏิบัติงานและการฝึกอบรมสายอาชีพ ตัวอย่างเช่น หัวเว่ยทำงานอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงแรงงานและสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (TPQI) ในการพัฒนาวิศวกร 5G และวิศวกรพลังงานสีเขียว เพื่อให้แรงงานท้องถิ่นมีทักษะล้ำสมัย
• ความเท่าเทียมทางดิจิทัล: ด้วยโครงการ CSR ชั้นนำ เช่น Digital Bus, Tech4All และ Women in Tech ที่มุ่งทำให้ความรู้ด้านดิจิทัลเข้าถึงได้สำหรับกลุ่มผู้ด้อยโอกาส นับตั้งแต่การเปิดตัว Digital Bus ของหัวเว่ยในปี 2565 รถฝึกอบรมเคลื่อนที่นี้ได้เดินทางไปยัง 14 จังหวัดในประเทศไทยเพื่อให้การฝึกอบรมการสื่อสารโทรคมนาคมและการปกป้องเด็กออนไลน์แก่ชุมชนห่างไกล
ปี 2567 ถือเป็นปีที่ 25 ของการก่อตั้งหัวเว่ยในประเทศไทย โดยมีพันธกิจ “เติบโตในประเทศไทย ร่วมสนับสนุนประเทศไทย” ท่ามกลางนวัตกรรมและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีต่างๆ การพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะทางด้านดิจิทัลเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของหัวเว่ย ซึ่งเรื่องนี้ได้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของหัวเว่ยในการส่งเสริมระบบนิเวศดิจิทัลเพื่อสร้างบุคคลากรด้านดิจิทัลร่วมกับพันธมิตร เช่น กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เพื่อให้ประเทศไทยก้าวหน้าและมีความสามารถในการแข่งขันในเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมจัดแสดงนวัตกรรมดิจิทัลที่งาน อว. แฟร์ : SCI POWER FOR FUTURE THAILAND ซึ่งจัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 28 กรกฎาคม ศกนี้