หัวเว่ย ประเทศไทย คว้ารางวัล ‘Thailand Corporate Excellence Awards 2024’ ต่อเนื่องเป็นปีที่สาม

24
0
Share:

บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด สร้างความภาคภูมิใจอีกครั้งด้วยการคว้ารางวัลพระราชทานในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี Thailand Corporate Excellence Awards 2024 ต่อเนื่องเป็นปีที่สาม โดยปีนี้ หัวเว่ยได้รับรางวัลในสาขา “ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมและการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ” (Innovation Excellence) ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนนวัตกรรม ความเป็นเลิศ และการพัฒนาที่ยั่งยืนในประเทศไทย

รางวัลดังกล่าว จัดโดยสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) ร่วมกับสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีนายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา องคมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลซึ่งจัดขึ้นเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ โดยนายเดวิด หลี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด เข้ารับพระราชทานรางวัล โดยมีแขกผู้มีเกียรติร่วมเป็นสักขีพยาน

นับเป็นปีที่สามที่หัวเว่ย ประเทศไทย ได้รับการยกย่องในฐานะองค์กรที่มีความเป็นเลิศอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการพัฒนานวัตกรรม ยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน และสร้างโอกาสด้านดิจิทัลอย่างทั่วถึง หัวเว่ยมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางดิจิทัลแห่งภูมิภาคอาเซียน ส่งเสริมความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและนวัตกรรมทางเทคโนโลยี นอกจากรางวัลพระราชทานด้านความเป็นเลิศด้านนวัตกรรม หัวเว่ยยังได้รับรางวัลความเป็นเลิศด้านสินค้า/การบริการ (Distinguished Award for Product/Service Excellence) อีกด้วย

นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา องคมนตรี กล่าวในพิธีมอบรางวัลว่า “จากสถานการณ์ในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม่เพียงแต่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีแบบก้าวกระโดดที่ทำให้เราต้องปรับตัว แต่ยังมีปัญหาท้าทายที่โลกกำลังต้องเผชิญต่อการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศที่มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งเราเห็นได้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งประเทศไทยและทั่วโลก ทำให้เราต้องปรับตัวและเปลี่ยนแปลงอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรับมือกับภาวะฉุกเฉินต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นที่ส่งผลต่อชีวิตและการดำเนินธุรกิจในอนาคต”

นายนิธิ ภัทรโชค ประธานสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) กล่าวเสริมว่า “TMA ที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ภาคธุรกิจของประเทศไทยจะเดินไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่ง มั่นคง และช่วยผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีความท้าทายสูง สงครามการค้า ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ปัญหาเศรษฐกิจ ตลอดจนการแข่งขันที่รุนแรงจากภาวะสินค้าล้นตลาดและสินค้านำเข้าราคาถูกจากทั่วโลก ทางรอดขององค์กร คือต้องทำตัวเองให้แข็งแกร่ง และมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ”

 

 

นายเดวิด หลี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวในพิธีรับรางวัลว่า “หัวเว่ย ประเทศไทย รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ต่อเนื่องเป็นปีที่สาม รางวัลนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของหัวเว่ยในการขับเคลื่อนนวัตกรรมทางเทคโนโลยี และเป็นแรงผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่ยุคดิจิทัลที่ชาญฉลาดและยั่งยืน ตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2530 ‘นวัตกรรม’ คือหัวใจสำคัญในพันธกิจของหัวเว่ยเสมอมา ตลอดระยะเวลากว่า 25 ปีในประเทศไทย เราเติบโตเคียงข้างประเทศไทย และมีส่วนร่วมในความก้าวหน้าชองประเทศผ่านนวัตกรรมและความร่วมมือ

ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา หัวเว่ยได้จับมือกับพันธมิตรผู้ให้บริการเครือข่ายเพื่อพัฒนาเครือข่าย 5G ชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน ช่วยผลักดันการใช้งาน AI และยกระดับการเชื่อมต่อในพื้นที่ที่มีความหนาแน่นสูง ไม่ว่าจะเป็นสถานีรถไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้า หรือเครือข่ายโลจิสติกส์ นอกจากนี้ นวัตกรรมของหัวเว่ยยังมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนโครงการเพื่อสังคม เช่น “หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์” อีกด้วย หัวเว่ยยังได้ลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูลในประเทศไทยถึง 3 แห่ง เพื่อให้บริการข้อมูลที่ปลอดภัย ทรงประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจในประเทศอย่างแท้จริง ด้วยความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ธนาคารและค้าปลีก หัวเว่ย คลาวด์ (Huawei Cloud) ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและช่วยลดต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิผล สร้างความเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้ให้กับธุรกิจในยุคดิจิทัล

ที่หัวเว่ย เราเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าบุคลากร คือปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรม ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา เราได้มีบทบาทในการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลให้แก่บุคลากรกว่า 100,000 คนในประเทศไทย เสริมสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับอนาคตดิจิทัลของประเทศ

ในอนาคต หัวเว่ย มุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับประเทศไทยสู่ความเป็นดิจิทัลที่อัจฉริยะและยั่งยืน พร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำของประเทศด้านการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลในภูมิภาคอาเซียน

Share: