บูติคนิวซิตี้ มุ่งขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ “THE FUTURE OF SUSTAINABLE FASHION”

225
0
Share:

พลิกโฉมองค์กรสู่ Green Industry ผ่านโครงการ A’MAZE Green Society ตอกย้ำเส้นทางที่ยั่งยืน ปักธง Fabric Zero Waste ลดขยะเหลือทิ้งเป็นศูนย์ พร้อมผนึกพันธมิตรยกระดับอุตสาหกรรมแฟชั่น

 

 

บริษัท บูติคนิวซิตี้ หรือ BTNC ผู้ออกแบบและจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นเครือสหพัฒน์ มุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจบนเส้นทางความยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ “THE FUTURE OF SUSTAINABLE FASHION” ทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ Green Industry ผนึกกำลังพันธมิตรสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนตั้งแต่จุดเริ่มต้นของกระบวนการผลิต และนำทรัพยากรส่วนเกินมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผ่านโครงการ A’MAZE Green Society พร้อมเปิดรับเรียนรู้สิ่งใหม่ใช้พัฒนาทั้งโครงสร้าง วิธีการทำงาน บุคลากร ใส่ใจในรายละเอียดของสินค้า ลงมือทำสร้างสรรค์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง จุดประกายให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญร่วมกันดูแลสิ่งแวดล้อม สังคมและชุมชน ตลอดมีธรรมาภิบาลที่ดี เพื่อเพิ่มความยั่งยืนให้โลก

คุณประวรา เอครพานิช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บูติคนิวซิตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “บูติคนิวซิตี้มุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจตามกรอบ ESG ที่คำนึงถึงการดูแลสิ่งแวดล้อม (Environmenttal) สังคมและชุมชน (Social) รวมถึงธรรมาภิบาลที่ดี (Governance) เน้นการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนเป็นหัวใจหลัก ภายใต้แนวคิด “THE FUTURE OF SUSTAINABLE FASHION” ทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่การเป็น Green Industry ผ่านโครงการ A’MAZE Green Society จับมือพันธมิตรสร้างการเปลี่ยนแปลงสู่ความยั่งยืนตั้งแต่จุดเริ่มต้น ด้วยกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและนำทรัพยากรส่วนเกินมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้ง Upcycle และ Recycle ต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นความยั่งยืน โดยมีเป้าหมายลดขยะเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมเป็นศูนย์ ด้วยระบบ Zero Waste Process โดยบริษัทพร้อมเปิดรับพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่เข้ามาร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงนำพาประเทศไทยสู่ Net Zero จากที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรมากมาย อาทิ โรงพยาบาลพญาไท Q-CON และ SC Grand เป็นต้น”

ปัจจุบันธุรกิจต้องเผชิญปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน ทั้งภาวะเศรษฐกิจไม่แน่นอน ปัญหาสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม บูติคนิวซิตี้ เน้นส่งเสริมการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน ในรูปแบบ Sustainability Fashion เพื่อลดความเสี่ยงและสร้างโอกาสเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคตเพราะเล็งเห็นว่าทุกอุตสาหกรรมต่างก้าวไปในทิศทางเดียวกัน โดยทุกหน่วยงานในองค์กรมีเป้าหมายเดียวกัน มุ่งสู่แฟชั่นที่ยั่งยืนทุกรายละเอียดในการทำงาน ตั้งแต่เลือกวัตถุดิบ การใช้เครื่องจักร รูปแบบการตัดเย็บ การย้อม การพิมพ์ที่ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะและมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ลดปริมาณขยะจากขั้นตอนการผลิต พร้อมทั้งควบคุมต้นทุน เพื่อสร้างมาตรฐานที่ดีในรูปแบบ Timeless Design สวยงามและใช้ได้ยาวนาน สะท้อนจุดยืนชัดว่าไม่ได้มีลักษณะเป็น fast fashion ที่ทำให้ fashion is waste กับโลกใบนี้

“วันนี้เรามีความภาคภูมิใจที่ขับเคลื่อนธุรกิจตามกรอบ ESG อย่างแท้จริงในทุกกระบวนการผลิต ยื่นหยัดทำงานด้วยแนวคิดการออกแบบที่สวยงาม แต่ให้ความสุขอย่างยั่งยืน เน้นคุณภาพและความคงทน การบริการที่เน้นความใส่ใจ ทำให้ผู้สวมใส่ทุกคนมั่นใจและมีความสุข พร้อมให้บริการทุกช่องทางอำนวยความสะดวกอย่างดีที่สุด เพื่อสร้างความสุขให้กับลูกค้า โดยความตั้งใจทั้งหมดนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตอย่างมีสติและความสำเร็จอย่างมั่นคง รวมทั้งสร้างมาตรฐานใหม่ในการพัฒนาบริษัทอย่างยั่งยืนในอนาคต สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มของประเทศและระดับนานาชาติ ซึ่งเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาสากลที่ทุกคนควรมีส่วนร่วมมือกันแก้ไข แม้เพียงแค่เล็กน้อย แต่ก็จะช่วยเพิ่มความยั่งยืนให้โลกได้อย่างมหาศาล ดังนั้น บูติคนิวซิตี้จึงมุ่งมั่นที่จะยกระดับแฟชั่น ผ่านโครงการความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจและสังคม” คุณประวรา กล่าวย้ำ

ส่วนของแผนการตลาดในครึ่งหลังปี 2567 บูติคนิวซิตี้จะเดินหน้าสร้างสังคมแห่งการรับฟัง เข้าใจ และเรียนรู้ระหว่างคนในแต่ละเจเนอเรชั่น เพื่อเพิ่มศักยภาพการทำงาน พร้อมเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ลดเวลาในการทำงานแต่ยังสร้างผลงานที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยเน้นพัฒนาระบบเทคโนโลยีในทุกหน่วยงาน เช่น ช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลายทั้งออฟไลน์และออนไลน์ การนำข้อมูล (Data) ที่มีการจัดเก็บอย่างเป็นระบบจำนวนมาก มาปรับปรุงให้มีความเป็นปัจจุบันมากที่สุด เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลที่น่าเชื่อถือและมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจ หรือแนวทางแก้ปัญหา ช่วยเพิ่มความรวดเร็ว แม่นยำ

สำหรับผลิตภัณฑ์ที่จริงจังด้าน ESG อย่างแท้จริง จะมีการทำ Collection เป็นสัดส่วนอย่างน้อย 30% ที่สอดคล้องกับแนวคิดนี้ ดังเช่น
• RE-LOOP Collection โดยการใช้ผ้า Recycle ที่ร่วมมือกับ SC grand นำผ้า 5% ที่เหลือจากการผลิตในรอบแรกมาสร้างเป็นผ้าผืนใหม่ที่สวยงามและมีเอกลักษณ์
• การขยายผลจากการ Upcycle เสื้อเหงาสีขาวของบริษัทด้วยการทำ Organic Indigo พร้อมที่จะสร้างเป็น โครงการ Your Own Organic Indigo โดยรับเสื้อผ้าสีขาวของลูกค้ามาเติมชีวิตใหม่โดยการมัดย้อมครามร่วมกับชุมชนย้อมครามจังหวัดสกลนคร
• การเลือกผ้าพิมพ์สวยๆ ที่พิมพ์ด้วยเทคนิคพิเศษ ลดการใช้ปริมาณความร้อนในการพิมพ์ แต่ได้ผ้าที่สวยทน และ สวยนิสัยดี ทั้งหมดคาดว่าจะเป็นสัดส่วนไม่น้อยกว่า 30% ของคอลเลคชั่นที่จะเกิดขึ้น และจะเพื่มขึ้นเรื่อยๆ สำหรับผ้าที่เหลือนำมาพัฒนาใหม่ เป็นคอลเลกชันต่อไป

ทั้งนี้ เรายังคงส่งเสริมเรื่องของความเท่าเทียมดั่งเช่น GSP X Alex ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และเป็นการปลุกความคิดสร้างสรรค์ของศิลปินรุ่นใหม่ ไม่ว่าเขาจะอายุเท่าไหร่ เป็นเด็กพิเศษหรือปกติ ทุกคนควรได้รับการสนับสนุนอย่างเท่าเทียม

นอกจากนี้ บริษัทยังสร้างระบบบริหารและบริการลูกค้าที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าพึงพอใจสูงสุด ด้วยการพัฒนาระบบสมาชิกมอบสิทธิพิเศษ แจ้งข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ จัดให้มีทีมบริการลูกค้า สามารถสอบถามข้อมูลสินค้าและการบริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งวางกลยุทธ์ในการสื่อสารกับลูกค้าทั้งแบบโดยรวม และเฉพาะกลุ่ม ตลอดจนรายบุคคลอย่างใกล้ชิด โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มจำนวนสมาชิกอย่างต่อเนื่อง

สำหรับงานสหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 28 ระหว่างวันที่ 27 – 30 มิถุนายน 2567 ที่ไบเทคบางนา ลูกค้าจะได้พบกับขบวนสินค้าที่มาพร้อมแคมเปญและโปรโมชันสุดพิเศษของสินค้าแฟชั่นกลุ่มบูติคนิวซิตี้ ซึ่งทั้งหมดนี้จะสร้างความประทับใจและลูกค้าให้การตอบรับได้เป็นอย่างดี

Share: