Shark Tank Thailand EP4 ชี้ธุรกิจไอศครีมโอกาสสดใส

349
0
Share:

พบกับไอศครีมแบรนด์ใหม่ “มอลลี่ อัลลี่” ทำจากพืชก่อตั้งโดยนักศึกษาปริญญาโท ได้ชาร์คกฤษน์ เจ้าพ่อสังหาริมทรัพย์ไทยร่วมลงทุน

 

 

โอกาสครั้งสำคัญของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพไทยในปี 2565 ที่จะได้รับการลงทุนและการสนับสนุนจากนักธุรกิจระดับหมื่นล้านบาท ในรายการ “Shark Tank Thailand ซีซั่น 3” รายการเรียลลิตี้ทางธุรกิจระดับโลก ที่พร้อมผลักดันเอสเอ็มอีไทยให้มีธุรกิจแข็งแกร่งมากขึ้น โดยในการออกอากาศ EP4 ที่มีธุรกิจจากคนรุ่นใหม่ที่มีฝัน และได้เริ่มสร้างแบรนด์ระหว่างเรียนปริญญาด้วยกันกับ ไอศกรีม มอลลี่ อัลลี่ “Molly Ally” เป็นไอศครีมเจลาโต้ ที่มาจากพืช Plant-based เป็นรายแรกในประเทศไทย และในปัจจุบันมีสาขาและจุดจำหน่ายรวม 7 แห่ง จึงตรงใจกับ “ชาร์คกฤษน์ ศรีชวาลา” เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศ ผู้ก่อตั้งอาณาจักร Fico Group ขอร่วมดีลลงทุนในธุรกิจนี้ด้วยเงินลงทุน 15 ล้านบาท และเข้ามาถือหุ้น 37% พร้อมประกาศสร้างแบรนด์ไอศครีมไทยแบรนด์น้องใหม่ ให้เติบโตและครองใจกลุ่มลูกค้าในประเทศ

เรื่องราวของไอศครีม “มอลลี่ อัลลี่” ได้สร้างสิ่งใหม่และแตกต่างในอุตสาหกรรมไอศครีมของประเทศไทย ทั้งการผลิตจากพืช แต่ได้พัฒนาให้มีรสชาติอร่อย เข้มข้น ไม่แพ้ไอศครีมที่มีส่วนผสมของนมวัวที่มีอยู่ในตลาด ทำให้ มอลลี่ อัลลี่ เป็นไอศครีม ที่ดีสุขภาพและยังร่วมรักโลก โดยความโดดเด่นของไอศครีมเกิดจากแนวคิดของผู้ก่อตั้ง 3 รายได้แก่ นายกานต์ชนิต บุบผาชื่น, น.ส.รตี บวรมงคลศักดิ์ และ น.ส.โชติมา มีมุ่งธรรม ที่สนใจสร้างธุรกิจนี้ระหว่างเรียนปริญญาโท ที่อยากร่วมส่งของขวัญความสุขในการทานไอศครีมให้แก่ลูกค้า ด้วยแนวคิดทำธุรกิจและสร้างแบรนด์ที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ มอลลี่ อัลลี่ ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดธุรกิจ จัดขึ้นในประเทศสหรัฐ ซึ่งมีทีมจากมหาวิทยาลัยดังร่วมประกวดถึง 70 ทีม รวมถึงมหาวิทยาลัยเยล ทำให้ผู้ก่อตั้งได้รับเงินทุนสนับสนุนสร้างธุรกิจได้สำเร็จ

สำหรับตลาดไอศครีมนับเป็นธุรกิจน่าจับตามองอย่างมาก และจากการรายงานของกระทรวงพาณิชย์ ในช่วงปี 2563 ธุรกิจไอศครีมไทยมีการส่งออกเป็นอันดับสี่ในโลก และส่งออกมากสุดในภูมิภาคอาเซียน โดยโอกาสธุรกิจที่มีสูงแต่ก็มีข้อควรรู้ในการขยายธุรกิจ ซึ่งชาร์คนักลงทุน ได้ให้คำแนะนำผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่สนใจอยากขยายธุรกิจและเพิ่มช่องทางขายสินค้า โดย “ชาร์คเต้-ภูริต ภิรมย์ภักดี” ผู้บริหาร จาก บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด แนะนำว่า “ผู้ประกอบการไทยรุ่นใหม่ที่สนใจขยายแบรนด์เข้าสู่ห้างค้าปลีก ต้องศึกษาส่วนแบ่งการขาย หรือ GP (Gross Profit) ให้ดีที่สุด และพิจารณาอัตราที่ถูกจัดเก็บว่ามีความคุ้มค่าหรือไม่ เนื่องจากสินค้าที่จะเข้าโมเดิร์นเทรด จะต้องมีการผลิตจำนวนมากและติดตลาดแล้ว แต่หากยังไม่ติดตลาดและนำเข้าห้างค้าปลีก ต้องถูกเก็บค่า GP ที่อาจไม่คุ้มค่าในการลงทุนระยะยาว ดังนั้นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยจึงควรเริ่มจากระดับเล็กก่อนขยายไปขนาดใหญ่ พร้อมยึดมั่นในการทำธุรกิจด้วยความรัก เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนธุรกิจอย่างมั่นคงในระยะยาว”

“ชาร์คกฤษน์” เน้นย้ำว่า ในช่วงที่ผ่านมามีผู้ประกอบการได้นำสินค้าไปทำตลาดในห้างค้าปลีกและไม่ประสบความสำเร็จ จึงต้องมีการศึกษาให้รอบคอบในสินค้าแต่ละรายการมีความเหมาะสมหรือไม่ รวมถึงการนำไปขยายตลาดในต่างประเทศจะต้องประเมินถึงความคุ้มค่าระยะยาวในการนำสินค้าไปวางจำหน่ายด้วย

มาติดตามไอเดียและแนวคิดทำธุรกิจสุดสร้างสรรค์ของผู้ประกอบการไทย กับการดีลของชาร์คนักลงทุนระดับหมื่นล้านจะสนใจลงทุนในธุรกิจใดบ้าง ซึ่งความสนุกในโลกการลงทุนและการทำธุรกิจมีที่เดียวในรายการ “Shark Tank Thailand ซีซั่น 3” ออกอากาศทุกอาทิตย์ เวลา 13.30 ทางช่อง 7HD กด 35

Share: