SABINA โชว์ปี 2566 โกยรายได้ 3,450.4 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดใหม่ จ่ายปันผล 1.33 บาทต่อหุ้น 

351
0
Share:

SABINA เปิดผลการดำเนินงานงวด 1 ปี 2566 (มกราคมถึงธันวาคม) กวาดรายได้ 3,450.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 8.3% โดยเป็นรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 462.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.9% เมื่อเทียบปีก่อน ชี้ปัจจัยหนุนสำคัญมาจากกำลังซื้อที่กลับมาคึกคัก ผนวกกับการเจาะลูกค้ากลุ่มเป้าหมายด้วยสินค้าที่ตอบโจทย์ตรงกับความต้องการ กลยุทธ์คอลแลบกับคาแรคเตอร์สุดปัง รวมถึงแคมเปญการตลาด บอร์ดบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผล 100% ของกำไรสุทธิในอัตราหุ้นละ 1.33 บาทต่อหุ้น ย้ำปีนี้เดินหน้าโตต่อเนื่อง ยันเป้าหมายเติบโตทั้งปีอยู่ที่ 10% 

นางสาวดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “ซาบีน่า” เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวด 1 ปี ประจำปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 3,450.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 264.7 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 8.3% จากระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากสถิติสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ในปี 2562 ที่ระดับ 3,295 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิปี 2566 อยู่ที่ 462.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.3 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10.9% จากปี 2565 โดยเป็นการเติบโตดีกว่าที่บริษัทฯ คาดไว้ ส่วนอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ปี 2566 อยู่ที่ 13.4% ด้านผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปี 2566 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 113.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 คิดเป็น 7.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.1%

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงวด 1 ปี ประจำปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 1.33 บาท คิดเป็น 100% ของกำไรสุทธิ โดยก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.66 บาท คงเหลือการจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.67 บาท กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนผู้มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 17 พฤษภาคม 2567 

สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตของผลการดำเนินงานในปี 2566 นั้น นอกจากจะมาจากกำลังซื้อที่กลับมาคึกคัก หลังจากผู้บริโภคสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้เต็มรูปแบบ ยังมาจากกลยุทธ์ของ SABINA ที่เน้นการพัฒนาโดยใช้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรมใหม่ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ทำให้สินค้า “ซาบีน่า บราเลส” (SABINA Braless) กลายเป็นสินค้าขายดีที่สร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่องตลอดปี 2566 รวมถึงกลยุทธ์ความร่วมมือหรือคอลแลบกับคาแรคเตอร์ต่างๆ ในการออกคอลเลคชั่นพิเศษ ที่ช่วยกระตุ้นความต้องการซื้อของผู้บริโภคและสร้างสีสันให้กับการจับจ่ายใช้สอยได้มากขึ้น ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังพัฒนาช่องทางขายให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าได้สะดวกขึ้นและง่ายขึ้น ส่งผลให้ในปีที่ผ่านมา ช่องทางค้าปลีก (Retail) ขยายตัว 5.6% ช่องทางออนไลน์ (NSR : Non Store Retailing) ขยายตัว 33.6.% ขณะที่ช่องทางรับจ้างผลิต (OEM) เติบโตลดลง 29.5% แต่มีแนวโน้มที่จะกลับมาขยายตัวได้ดีในปีนี้

“ผลการดำเนินงานปีที่แล้วถือว่า เราปลดล็อคได้สำเร็จ หลังจากที่บรรลุเป้าหมายรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของกำลังซื้อในประเทศ ขณะที่การลงทุนในฟิลิปปินส์เติบโตได้ดี ซึ่งในปี 2566 ที่ผ่านมา เรายังรับรู้รายได้จากฟิลิปปินส์ไม่เต็มปี แต่ก็สามารถสร้างรายได้เกินกว่าที่เราคาดไว้ ขณะที่ปีนี้ SABINA จะรับรู้รายได้จาก Moda ในฟิลิปปินส์ตามสัดส่วนการถือหุ้นแบบเต็มปีเป็นครั้งแรก ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นไปอย่างน่าพอใจ ขณะเดียวกัน เราตั้งเป้าหมายการเติบโตในทุกช่องทางขาย ทั้งช่องทางค้าปลีก ออนไลน์ และช่องทางรับจ้างผลิต (OEM) ที่จะกลับมาขยายตัวในระดับปกติได้อีกครั้ง ซึ่งจะสนับสนุนให้รายได้ในปีนี้เติบโตเพิ่มขึ้นได้ 10% ตามเป้าหมายที่วางไว้” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABINA กล่าว

ทั้งนี้ SABINA ยังคงมุ่งมั่นที่จะรักษาความสามารถในการทำกำไร รวมถึงการขยายตัวของอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ที่สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ด้วยการเพิ่มรายได้ จากสินค้าที่มีความหลากหลาย ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ขยายฐานให้กว้างขึ้น ซึ่งในไตรมาสแรกของปีนี้ SABINA ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่มากกว่าชุดชั้นใน ด้วยการผนึกความร่วมมือกับ Janesuda (เจนสุดา) แบรนด์เสื้อผ้าสัญชาติไทยในการออกคอลเลคชั่นพิเศษ Janesuda x SABINA และหลังจากนี้จะมีคอลเลคชั่นที่สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอีเว้นท์ที่จะรุกตลาดต่างประเทศในระดับภูมิภาคให้มากขึ้น ขณะเดียวกัน SABINA ยังเดินหน้าควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะการพัฒนานวัตกรรมการผลิต เพื่อลดความสูญเสียในระหว่างผลิต รวมถึงพัฒนาสินค้าในกลุ่มยั่งยืน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และชุมชน และเพื่อส่งต่อความยั่งยืนให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

 

Share: