KTO ชวนคนไทยเที่ยวเกาหลีฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

372
0
Share:

ปักหมุด 6 ที่เดทสุดโรแมนติกให้ลองเที่ยวผ่าน Metaverse พร้อมจัดมหกรรมท่องเที่ยวเกาหลีครั้งยิ่งใหญ่ ภายใต้ชื่อ “Korea Everywhere” พร้อมกันถึง 4 ห้างชั้นนำของกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 30 กันยายน – 2 ตุลาคมนี้

 

 

โปรโมชั่นเด็ดๆ จากหน่วยงานท่องเที่ยวเมืองต่างๆ ของเกาหลี สายการบิน และบริษัททัวร์แบบจัดเต็ม ล็อคคิวกันไว้เลย 30 กันยายน – 2 ตุลาคมนี้

ฤดูใบไม้ร่วงถือเป็นฤดูที่สวยงามและโรแมนติกที่สุดของเกาหลี ใบไม้ทั่วทั้งเมืองจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลือง สีส้ม และสีแดง แถมด้วยอากาศที่กำลังเย็นสบาย ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป ทำให้ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีของเกาหลีกลายเป็นที่เที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ในปีนี้องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี (KTO) ได้ปักหมุดแนะนำ 6 สถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมที่เหมาะกับการออกเดท สุดโรแมนติกในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่กำลังจะมาถึง ให้ชาวไทยได้อัพเดทสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ เตรียมความพร้อมก่อนไปสัมผัสบรรยากาศการเที่ยวชมใบใม้เปลี่ยนสีของจริง ผ่านโลก Metaverse ในแอปพลิเคชั่น Zepeto กับแผนที่ใหม่ “Korea Trendy Autumn” ซึ่งประกอบไปด้วย

อุทยานแห่งชาติซอรัคซาน (Seoraksan National Park KTO จัดใหญ่! ชวนชาวไทยเตรียมความพร้อมก่อนบินไปสัมผัสลมเย็น ชมความงดงามของฤดูใบไม้เปลี่ยนสี กับงาน “Korea Everywhere” มหกรรม Korea Travel Festival ครั้งยิ่งใหญ่ที่จัดพร้อมกันถึง 4 ห้างดัง “ไอคอนสยาม – สยามพารากอน – สยามเซ็นเตอร์ – ดิ เอ็มควอเทียร์” นอกจากจะขนทัพศิลปินทั้ง K-pop และ T-pop มาร่วมเฉลิมฉลองปีแห่งการท่องเที่ยวเกาหลี-ไทย 2023 – 2024 ยังมาพร้อมกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมอัดแน่นครบรส,설악산국립공원) ตั้งอยู่ที่เมืองซกโช จังหวัดคังวอนโด ที่นี่เป็นจุดที่ใบไม้เปลี่ยนสีเป็นที่แรกๆ ของเกาหลี ซึ่งจะเริ่มในช่วงปลายเดือนกันยายน และจะพีคที่สุดในช่วงกลางเดือนตุลาคม ต้นไม้และต้นเมเปิ้ลที่อยู่รอบอุทยานจะเปลี่ยนสีทั่วทั้งภูเขา ทำให้คู่รักชาวเกาหลีสายธรรมชาตินิยมมาท่องเที่ยวปีนเขากันในช่วงนี้ ซึ่งที่นี่ก็มีหลากหลายเส้นทางให้เลือกทั้งยากและง่าย แต่สำหรับใครที่ไม่ใช่สายแอดเวนเจอร์ ก็ยังสามารถชมวิวทิวเขาที่เต็มไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสีสีสันสดใสได้ด้วยกระเช้าที่จะพาขึ้นไปเกือบถึงยอดเขา ควอนกึมซอง (Gwongeumseong, 권금성) ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสบรรยากาศธรรมชาติ รับลมเย็นบนยอดเขา ชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีแบบ 360 องศา รับรองว่าสวยโดนใจจนลืมไม่ลงอย่างแน่นอน

สวนพฤกษศาสตร์ฮวาดัม (Hwadam Botanic Garden, 화담숲) สวนรุกขชาติเชิงนิเวศขนาด 65 ไร่ ตั้งอยู่ในเมืองควางจู จังหวัดคยองกีโด อยู่ห่างจากกรุงโซลเพียง 40 นาทีเท่านั้น สวนแห่งนี้รวบรวมพืชพันธุ์นานาชนิดกว่า 4,300 สายพันธุ์ จัดแบ่งออกเป็น 16 ธีม เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในการชมใบไม้เปลี่ยนสีของชาวเกาหลี โดยพระเอกของสวนฮวาดัมในช่วงฤดูใบไม้ร่สงคือต้นเมเปิ้ลกว่า 400 ชนิดที่จะเปลี่ยนเป็นสีให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินกับสีสันอันอบอุ่น อากาศสดชื่น สวนเหมือนหลุดไปในทำนิยายเลยทีเดียว พลาดไม่ได้กับกิจกรรมคล้องกุญแจคู่รักบนสะพานรูปหัวใจ (Bridge of Promise) ก่อนจะขึ้นรถไฟโมโนเรล (Monorail) แคปซูลชมความสวยงามตระการตาของธรรมชาติทั่วทั้งสวนตลอด 20 นาที เรียกได้ว่าเป็นเดทที่โรแมนติกสุดๆ

ชองวาแด (Cheongwadae, 청와대) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘Blue House’ เป็นอดีตทำเนียบประธานาธิปดีของเกาหลี ตั้งอยู่ในเขตจงโน ใจกลางกรุงโซล สายซีรีส์น่าจะพอคุ้นตากันเนื่องจากที่นี่เป็นโลเคชั่นของซีรีส์หลายเรื่อง อาทิ City Hunter, Vagabond รวมถึง Designated Survivor: 60 Days แต่เดิมที่นี่เป็นสถานที่ที่มีการคุ้มครองแน่นหนาที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย แต่นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมา ได้มีการประกาศให้ที่นี่เป็นสวนสาธารณะ ทำให้ชองวาแดกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตแห่งใหม่ของทั้งคนเกาหลีและนักท่องเที่ยว เพราะที่นี่ไม่เพียงอัดแน่นด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานของประเทศเกาหลีใต้ แต่ยังเป็นสถานที่ที่ฮวงจุ้ยดีที่สุดในกรุงโซล ด้านหน้ามีแม่น้ำฮันไหลผ่าน ด้านหลังมีภูเขาบุกฮันซาน ภายในทำเนียบมีสวนเขียวขจี ทัศนียภาพสวยงาม ยิ่งช่วงฤดูใบไม้ร่วงบรรยากาศจะยิ่งงดงามเป็นพิเศษ ด้วยสีสันของต้นไม้ที่เปลี่ยนเป็นสีเหลือง ส้ม และแดงตัดสลับกับสีเขียวของต้นสน ทำให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวที่พลาดไม่ได้ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี

ย่านอิกซอนดง (Ikseondong,익선동) ย่านหมู่บ้านเกาหลีโบราณอายุกว่า 100 ปีที่กลายเป็นแหล่งรวมคาเฟ่เก๋ๆ ร้านอาหารชิคๆ ใจกลางกรุงโซล ที่นี่ยังคงกลิ่นอายความคลาสสิคของบ้านเกาหลีที่ก่อจากอิฐสีน้ำตาลวางเรียงกันเป็นก้อน กับหลังคาทรงเตี้ย ดัดแปลงให้ดูทันสมัยขึ้นด้วยการติดกระจกใส และเพนท์ผนัง กลายเป็นสเน่ห์ของผ่านที่มีความมินิมอล แต่ให้ความรู้สึกอบอุ่นเป็นกันเอง ในตรอกเล็กๆ อัดแน่นไปด้วยร้านขายของ คาเฟ่ และร้านอาหารที่ตกแต่งอย่างสวยงาม มีเอกลักษณ์ แถมยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆ กระจายตัวอยู่ทั่วทั้งย่าน ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ยอดฮิตของหนุ่มสาวเกาหลี นิยมมากินข้าว นั่งคาเฟ่ ถ่ายรูปอวดความหวานลงโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะร้านคาเฟ่ลานดอกไม้ (카페 마당공간) คาเฟ่ที่ดังที่สุดในย่าน เป็นร้านที่พลาดไม่ได้หากมาย่านนี้ ร้านตกแต่งด้วยดอกไม้หลากสีตั้งแต่ทางเข้า ภายในร้านอบอวลไปด้วยกลิ่นดอกไม้หอมๆ ในเมนูขนมและเครื่องดื่มก็ยังใส่กิมมิคของดอกไม้เข้าไปด้วย ราวกับพาเราหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของละครย้อนยุคของเกาหลีเลยทีเดียว ที่นี่ยังเคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีส์เรื่อง Guardian: The Lonely and Great God ที่นำแสดงโดยกงยูด้วย

ถนนฮงแด (Hongdae, 홍대) แหล่งช้อปปิ้งที่นักท่องเที่ยวไทยน่าจะรู้จักและคุ้นเคยกันดี ตั้งอยู่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยฮงอิก นอกจากจะมีทั้งร้านค้า คาเฟ่ และร้านอาหารราคานักศึกษาแล้ว ยังเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมด้านดนตรีและศิลปะของคนรุ่นใหม่ ผลงานสตรีทอาร์ทบริเวณกำแพงเรียงรายอยู่เป็นระยะ ตกเย็นก็จะเริ่มมีการแสดงเปิดหมวกทั้งร้องเพลง เล่นดนตรี เต้น รวมถึงการแสดงมายากลให้เลือกชม เป็นถนนอีกเส้นที่มีบรรยากาศโรแมนติกเหมาะกับการเดท ยิ่งในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่อากาศไม่ร้อนไม่เย็นจนเกินไป ได้นั่งฟังดนตรีเพราะๆ พร้อมกุมมือคนรัก เหมือนซีนสวีทในซีรีส์โรแมนติกคงอบอุ่นหัวใจไม่หยอก

ไฮเกอร์ กราวด์ (HiKR Ground, 하이커 그라운드) สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมา ที่นี่จะพานักท่องเที่ยวสัมผัสและเข้าถึงวัฒนธรรมเกาหลีแบบล้ำสมัยด้วยเทคโนโลยีเสมือนจริง XR (Extended Reality) โดยทั้ง 5 ชั้นของไฮเกอร์ กราวด์แบ่งออกเป็นธีมต่างๆ เพื่อนำเสนอความเป็นเกาหลีในหลากหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็น สถานที่ท่องเที่ยว ศิลปะ ซีรีส์เกาหลี และพลาดไม่ได้เลยสำหรับใครที่เป็นสาวก K-pop กับโซน K-pop Ground บนชั้น 2 ที่นำเอาฉากฮิตใน MV อย่างรถไฟใต้ดิน ร้านซักผ้า และยานอวกาศมาให้ถ่ายกันแบบจุใจ ยังมีสเตจรายการเพลงที่สามารถเลือกกราฟฟิคฉากได้กว่า 100 แบบ แถมยังเลือกเพลงที่อยากเต้นได้ตามใจชอบ คู่รักคู่ไหนเป็นสายเต้นชอบทำคอนเท้นต์ลง TikTok ต้องห้ามลืมใส่ในลิสต์เลย

TagsKTO
Share: