“Finno Efra Accelerator” เปิด 12 ทีม Startup เตรียมพร้อมโอกาสคว้าเงินทุนสูงสุด 40 ล้านบาท
“Finno Efra Accelerator (FINE Accelerator)” ประกาศผล Startup 12 ทีม เข้าโปรแกรม พร้อมร่วม Bootcamp ขับเคี่ยวเข้มข้นเป็นเวลา 4 เดือน ร่วมกับ Mentor และโค้ชผู้เชี่ยวชาญ เปิดโอกาสได้รับเงินทุนสูงสุด 40 ล้านบาท ติดอาวุธเร่งสปีดสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ
หลังจากที่ “Krungsri Finnovate (กรุงศรี ฟินโนเวต)” ได้จับมือกับ “อีฟราสทรัคเจอร์ (Efra Structure)” เปิด “Finno Efra Accelerator Program” ที่เปรียบเสมือนเป็นโรงเรียนสำหรับ Startup ระดับ Seed ถึง Pre-series A ให้ได้เข้าเรียนรู้และร่วมเวิร์คช้อปในหลักสูตรเพื่อพัฒนาศักยภาพอันหลากหลายและครอบคุลม ซึ่งได้เปิดรับสมัครตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 67 ที่ผ่านมา โดยมี Startup ที่สมัครมากว่า 200 ทีม และด่านการคัดเลือกที่หลากหลาย ทั้งรอบคัดเลือกทั่วไป, Dungeon Pitch และ Selection day จนได้ทั้ง 12 ทีม ดังนี้
1. Wang: Data Market – แพลตฟอร์มที่เปลี่ยนเวลาว่างของทุกคนให้มีคุณค่า ด้วยการเปิดโอกาสให้คนที่มีเวลาว่างเข้ามาให้ข้อมูลเพื่อสร้างรายได้ และนักวิจัยที่ต้องการเก็บข้อมูลสำหรับนำไปพัฒนา AI โดยเป็นตลาดออนไลน์ระหว่างบุคคล 2 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ที่ต้องการข้อมูล และผู้ที่มีเวลาว่างทุก ๆ คน
2. PAM Real CDP – แพลตฟอร์มที่ช่วยนักการตลาดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้า เพื่อใช้ในการทำแคมเปญการตลาดที่สร้างประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคลให้กับลูกค้าอย่างอัตโนมัติ
3. Spacely AI – แพลตฟอร์มการออกแบบสถาปัตยกรรมด้วย AI และ Algorithm สำหรับสถาปนิกทั่วโลก
4. Graffity – พัฒนาแผนที่ 3 มิติและระบุตำแหน่งด้วย AI ซึ่งมีความแม่นยำสูงกว่า GPS ถึง 5 เท่า
5. GOWAJEE – เป็นบริษัททำ speech recognition ภาษาไทย และมี product อีกตัวชื่อ GCI (Gowajee Call Intelligence) ที่เป็นแพลตฟอร์ม AI ที่ช่วยทีม contact center ด้วยการวิเคราะห์การสนทนาทางโทรศัพท์ทั้งแบบ real-time และ post-call.
6. ThaiHand Massage – แพลตฟอร์มยกระดับวงการนวดสปาไทย ทั้งในฝั่งของลูกค้าที่จะจองร้านนวดง่ายขึ้น ฝั่งของร้านค้าที่จะบริหารร้านได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และหมอนวดที่สามารถติดตามประวัติการทำงานของตัวเองได้ผ่านระบบออนไลน์
7. AIYA – แพลตฟอร์มสื่อที่ขับเคลื่อนด้วยตำแหน่งที่ตั้ง ปฏิวัติการโฆษณา OOH แบบเจาะจงเป้าหมาย ยกระดับการมีส่วนร่วมของลูกค้าผ่านโซลูชันการตลาด O2O ที่ล้ำสมัย ซึ่งรู้ตำแหน่งที่ตั้ง สร้างผลลัพธ์แคมเปญที่ดียิ่งขึ้นสำหรับแบรนด์ และ AI มอบประสบการณ์เฉพาะบุคคลสำหรับผู้บริโภค
8.MUI-Robotics – แพลตฟอร์มประสาทประดิษฐ์ (Artificial Senses Platform) ที่ทำให้ AI และหุ่นยนต์มีประสาทสัมผัส รูป รส กลิ่น เสียง เช่นเดียวกับมนุษย์
9. Vansales – แพลตฟอร์มที่ช่วยให้การขายและการกระจายสินค้าเป็นเรื่องง่าย ครอบคลุมการจัดการสต็อกสินค้า, การเยี่ยมลูกค้า และการสั่งซื้อแบบเรียลไทม์ ทำให้ธุรกิจของคุณทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
10. Osseolabs – พัฒนาระบบวางแผนการผ่าตัดแบบดิจิตอลและกระดูกเทียมเฉพาะบุคคล สำหรับศัลยกรรมกระดูกและใบหน้า ด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติและเอไอ
11.Daywork – แพลตฟอร์มจัดหาพนักงานชั่วคราวตามความต้องการภายใน 24 ชั่วโมง สรรหาคนได้แม่นยำและรวดเร็วด้วย AI
12. JobsLab – ขับเคลื่อนการจ้างงานชั่วคราวสำหรับพนักงานระดับเริ่มต้น และนายจ้างคุณภาพสูงในประเทศไทย
“คุณแซม ตันสกุล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด เผยว่า “ขอแสดงความยินดีกับ Startup ทั้ง 12 ทีมที่ผ่านเข้ารอบ Finno Efra Accelerator ซึ่งทั้ง 12 ทีมจะต้องเข้า Bootcamp เป็นระยะเวลา 4 เดือน กับ 4 เรื่องสำคัญ คือ 1.) Mentorship กับเมนเทอร์ที่เป็น Top Tech Leader ในประเทศไทย แบบ One On One 2.) Business Class คลาสเรียนที่จะต้องรู้เกี่ยวกับการทำธุรกิจ โดยจะมีเทรนเนอร์ในหลากหลายธุรกิจมาสอน 3.) Coaching ที่สามารถมาขอคำปรึกษา จากโค้ชผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านกว่า 100 คน 4.) VC Networking สนับสนุนการเชื่อมต่อระหว่าง Startup กับนักลงทุนและองค์กรต่างๆ ก็จะเป็น 4 เรื่องสำคัญใน Bootcamp ที่จะเกิดขึ้น”
เริ่มเรียน โดยแบ่งเป็น 2 เทอมคือ เทอม 1 เดือนตุลาคม – พฤศจิกายน ปี 2567 และ เทอม 2 เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ ปี 2568 และจะไปจบ Demo Day ที่เดือนมีนาคม ปี 2568 เมื่อจบ 4 เดือนแล้ว Startup ทั้ง 12 ทีม จะมีโอกาสได้รับเงินทุนสูงสุด 40 ล้านบาท แต่เงื่อนไขคือต้องผ่าน KPI ที่ตั้งไว้ ส่วนทีมไหนถ้าปีนี้ยังไม่มีรายชื่อใน Finalists อย่าพึ่งรีบถอดใจ เจอกันใหม่ใน Batch หน้านะครับ”
ด้าน “คุณภาวุธ พงษ์วิทยภานุ” ประธานกรรมการและผู้ก่อตั้ง บริษัท อีฟราสทรัคเจอร์ จำกัด เสริมต่อว่า “Finno Efra Accelerator เป็นโปรแกรมบ่มเพาะ Startup รายใหม่ๆ ซึ่งเป็นกุญแจที่จะช่วยให้ Startup ประสบความสำเร็จได้มากขึ้น และยังเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่เป็นจุดเริ่มต้นของการการสร้างระบบนิเวศของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ เพราะจะมีส่วนช่วยให้ธุรกิจที่เข้าร่วมสามารถเติบโตได้เร็วขึ้น และยิ่งไปกว่านั้นโปรแกรมนี้ทำให้เหล่า Startup ได้ทั้งเงินลงทุนและความรู้กลับไปพัฒนาธุรกิจ ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ในการช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ เพราะเรากำลังค้นหา Unicorn ที่จะไประดับโลกให้ได้ในอนาคต”