SABINA รับอานิสงส์บาทอ่อน ลุ้นรายได้ OEM เกินเป้า เผยออเดอร์ผลิตไตรมาส 4 ทะลัก
SABINA ลุ้นรายได้รับจ้างผลิต (OEM) ให้ลูกค้าในต่างประเทศโตเกินเป้า หลังรับอานิสงส์ค่าเงินบาทอ่อนค่าแตะระดับ 38 บาท ขณะที่ออเดอร์ผลิตทะลัก ปลื้มลูกค้ายังคงมั่นใจในมาตรฐานการผลิตสินค้าคุณภาพ พร้อมเดินหน้ารักษาฐานลูกค้าทั้งในยุโรปและสหราชอาณาจักรอย่างต่อเนื่อง เชื่อรายได้ยอดขายไตรมาสสุดท้ายของปีโตทุกช่องทาง ทั้งช่องทางค้าปลีก ที่ขยายตัวตามยอดจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคในห้างสรรพสินค้า โดยเฉพาะหลังการเปิดให้บริการของห้างสรรพสินค้าเทอร์มินัล 21 พระราม 3 ส่วนช่องทางออนไลน์ นอกจากจะมีแคมเปญใหญ่ 11.11 แล้ว ล่าสุด SABINA ยังกวาดยอดขายสูงสุดในแคมเปญ 10.10 บนแพลตฟอร์มออนไลน์ช้อปปี้ กับแคมเปญ “แบรนด์ เฟสติวัล แบรนด์ดัง ปังเต็มสิบ” อีกด้วย
นางสาวดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชุดชั้นในแบรนด์ “ซาบีน่า” เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงแตะระดับ 38 บาทต่อดอลลาร์ และมีโอกาสที่จะอ่อนค่าลงอีก จากการแข็งค่าของเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้รายได้จากการรับจ้างผลิต (OEM) ของ SABINA ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ มีโอกาสเติบโตสูงกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะนอกจากจะได้รับปัจจัยหนุนจากเงินบาทที่อ่อนค่าและบริษัทฯ มีรายรับเป็นสกุลเงินต่างประเทศแล้ว ยังมีปัจจัยจากคำสั่งซื้อจากลูกค้าในยุโรปและสหราชอาณาจักรที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
“การดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าในรูปแบบ OEM ของ SABINA เป็นธุรกิจดั้งเดิมที่เราดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ก่อนที่เราจะปรับกลยุทธ์ด้วยการสร้างแบรนด์ของตัวเอง แต่ในความต่อเนื่องและยาวนานนั้น ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ลูกค้ายังเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าและบริการภายใต้มาตรฐาน SABINA รวมถึงเชื่อมั่นในเทคโนโลยีการผลิตที่เราเรียนรู้จากความต้องการของลูกค้า และพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ให้หลากหลายขึ้น ขณะเดียวกัน ความรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชนตามหลักความยั่งยืน ยังเป็นปัจจัยหลักที่ลูกค้าต่างประเทศให้ความสำคัญ ซึ่งเราตระหนักและดำเนินการในเรื่องนี้อย่างจริงจังมาโดยตลอด ทำให้เรายังสามารถรักษาฐานลูกค้าในต่างประเทศไว้ได้อย่างเหนียวแน่น และจากแนวโน้มที่ดีขึ้นทำให้ SABINA มีเป้าหมายที่จะขยายสัดส่วนลูกค้า OEM เพิ่มขึ้นในปีหน้า เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของตลาด จากเดิมที่มีสัดส่วนประมาณ 10% ในโครงสร้างรายได้หลัก ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้โครงสร้างรายได้โดยรวมของ SABINA มีคุณภาพและมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น” นางสาวดวงดาวกล่าว
ทั้งนี้ นอกจากรายได้ช่องทาง OEM ในไตรมาสสุดท้ายจะมีแนวโน้มดีกว่าที่คาดไว้แล้ว รายได้จากช่องทางค้าปลีก (Retail) และช่องทางออนไลน์ (NSR : Non Store Retailing) ก็มีสัญญาณดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่องทางค้าปลีก มีปัจจัยสนับสนุนจากการกลับมาจับจ่ายใช้สอยตามปกติของผู้บริโภค จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการเปิดห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ อาทิเช่น เทอร์มินัล21 พระราม 3 ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ผลักดันให้รายได้ในช่องทางนี้เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ขณะที่รายได้จากช่องทางออนไลน์ นอกจากจะมีแคมเปญใหญ่ที่สุดของปี วันคนโสด 11.11 ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่ง SABINA สามารถทำยอดขายได้ทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ล่าสุด SABINA ยังเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งที่มียอดขายสูงสุด ในแคมเปญ 10.10 “แบรนด์ เฟสติวัล แบรนด์ดัง ปังเต็มสิบ” บนแพลตฟอร์มออนไลน์ “ช้อปปี้” ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผลให้รายได้ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ของ SABINA เติบโตได้ในทุกช่องทาง