“แซม ตันสกุล” ชี้! Generative AI พลิกโฉมธุรกิจ สร้างสรรค์นวัตกรรมสิ่งใหม่ให้องค์กร พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของทุกคน
ในยุคปัจจุบันเทคโนโลยีระบบ “ปัญญาประดิษฐ์” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Generative AI (Gen AI)” เข้ามามีบทบาทสำคัญในการใช้ชีวิตของมนุษย์ รวมถึงภาคธุรกิจหรือองค์กรที่นำ Gen AI มาสร้างสรรค์นวัตกรรมสิ่งใหม่ให้องค์กร เพื่อให้เกิดความก้าวหน้าและการใช้งานที่ครอบคลุม เช่นเดียวกับธุรกิจฟินเทคในวันนี้กำลังเดินหน้าพัฒนาและใช้ AI เป็นผู้ช่วยด้วยเช่นกัน
“Krungsri” เปิดมุมมองนวัตกรรมสุดล้ำผ่านเทคโนโลยี AI ในงาน “Techsauce Global Summit 2024” กับ “Krungsri Showcase” สุดยิ่งใหญ่ ที่นำเสนอการพัฒนาโซลูชันต่างๆ ด้วย AI ผ่านบูธที่จัดแสดงเทคโนโลยี ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยในเวทีเสวนา ยังได้รับเกียรติจาก “คุณแซม ตันสกุล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด มาร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในเวที “CORPORATE INNOVATION STAGE” กับหัวข้อ “Shaping Tomorrow: Generative AI’s Role in Corporate Innovation” พูดถึงบทบาทของ Generative AI ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมขององค์กร
โดย “คุณแซม” เผยว่า “ตลาดระดับโลกของ Generative AI ทั่วโลก ขณะนี้มีการลงทุนด้าน Generative AI มากกว่า 180,000 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าในปี 2030 จะมีการลงทุนมากกว่า 800,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และแน่นอนว่าตลาดที่ใหญ่ที่สุดคือที่สหรัฐอเมริกา ดังนั้น Generative AI มีความสำคัญและถูกนำมาใช้งานอย่างกว้างขวางในการทำงาน เพราะสามารถลดต้นทุนและประหยัดเวลาในการทำงานได้ไปพร้อมกัน โดยในภาพของการลงทุนในองค์กรนั่น องค์กรส่วนใหญ่มีความต้องการที่จะลงทุนใน Gen AI สาเหตุหลักๆ คือ
1. พัฒนาความพึงพอใจของลูกค้า (Improve customer satisfaction) เมื่อต้องการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า แต่ไม่สามารถให้บริการลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ Generative AI เข้ามามีส่วนช่วยได้มาก เช่น กรุงศรีในปัจจุบัน เราเป็นธนาคารแรกและธนาคารเดียวที่ใช้ AI Manow (เอไอ มะนาว) คอยตอบคำถามให้กับลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง นี่คือหนึ่งในพลังของ Generative AI ในการสร้างประสบการณ์และพัฒนาความพึงพอใจให้กับลูกค้า
2. เพิ่มรายได้ (Top-line revenue growth) หากคุณทำงานอยู่ในทีมขายและการตลาด Generative AI จะช่วยคุณได้มากในการทำ hyper-personalization กำหนดเป้าหมายลูกค้าที่เหมาะสมสำหรับคุณ ภายในเวลาที่กำหนดและงบประมาณที่จำกัด จะช่วยเพิ่มรายได้ สร้างการเติบโตให้ธุรกิจ
3. การลดต้นทุน (Cost optimization) Generative AI ช่วยหลายคนในการลดต้นทุนได้อย่างแน่นอน เช่น ไม่ต้องจ้างคนมาทำ แต่ใช้ AI มาช่วยลดต้นทุนในการจ่ายเงินเดือน
4. เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน (Increase productivity) โดยเฉพาะการประหยัดเวลา ทำให้ง่ายขึ้น ยกตัวอย่าง Generative AI เมื่อเรามี ChatGPT การเขียนสรุปผลใดๆ หรือการช่วงสร้าง code สำหรับโปรแกรมเมอร์ ก็ทำได้ว่องไว และดำเนินการได้อย่างรวดเร็วมากเช่นกัน”
“คุณแซม” ยังได้พูดถึงองค์กรยักษ์ใหญ่ระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Amazon, Google, Microsoft และ NVIDIA ต่างพากันลงทุนอย่างหนักใน AI Startup พร้อมยกตัวอย่างพอร์ตการลงทุนบริษัทเทคสุดฮอตอย่าง NVIDIA อีกด้วยว่า “ในวันนี้ NVIDIA กลายเป็นบริษัทร่วมทุนขององค์กรที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ในปี 2023 พวกเขาจึงลงทุนอย่างหนักในการเริ่มต้น Generative AI โดยเลือกที่จะลงทุนคือ
1. Inflection สตาร์ทอัพด้าน AI ที่มุ่งเน้นการสร้าง AI ในฐานะผู้ช่วยส่วนบุคคล ซึ่งเพียงสองปีได้กลายเป็นยูนิคอร์นแล้วด้วยมูลค่ามากกว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
2. ADEPT สตาร์ทอัพผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ด้านการ automation ที่ช่วยในการทำงานที่ซ้ำซากและทำให้ขั้นตอนการทำงานที่ยากนั้นง่ายขึ้น โดยลงทุนไป 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
3. Cohere สตาร์ทอัพด้าน AI and Language Model สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ โดยลงทุนไป 270 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ดังนั้นนี่คือพอร์ตไฮไลท์ของ NVIDIA และเห็นได้ว่าเติบโตขึ้นมากเพียงใด”
และไม่ใช่เพียงตลาดฝั่งตะวันตกเท่านั้น เพราะตลาดอาเซียนก็มีจำนวนไม่น้อย ที่นำ Generative AI มาประยุกต์ใช้ในองค์กร ตั้งแต่ “Wisesight” ที่มีการทำ AI มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล และใช้ Gen AI ในการสร้าง content ให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้า, “Grab” ที่นำ Gen AI มาใช้เพื่อในการปรับปรุงเส้นทาง เพื่อลดเวลาในการส่งมอบผลิตภัณฑ์หรืออาหารให้กับลูกค้า และ “Gojek” ที่นำ Gen AI มาใช้ในแพลตฟอร์มเพื่อดึงดูดความสนใจ การมีส่วนร่วมของลูกค้า
คำถามคือถ้าในปัจจุบันมีการใช้ Generative AI ให้การทำงานหลายๆด้าน แล้วในโลกอนาคต ทิศทางการแข่งขันหรือโอกาสทางธุรกิจจะเป็นอย่างไร “คุณแซม” ได้นำเสนอมุมมองในเรื่องของโมเดลการประมวลผล ซึ่งในปัจจุบันจะเป็นการใช้โมเดลที่เรียกว่า Large Language Models (LLMs) แต่ในอนาคตการพัฒนาและย่อขนาดกลายเป็น Small Language Models (SLMs) จะเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากทั้งเรื่องความเร็วแล้วการลดการใช้พลังงาน
ทั้งนี้ “คุณแซม” ยังทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า AI ยังมีข้อควรที่ต้องระวัง เช่นเรื่องของมิจฉาชีพ ที่บางทีอาจมีวิดีโอคอลหลอกมาคุยเพื่อโอนเงิน รวมถึงเรื่องของความปลอดภัย เพราะอาจมีการรั่วไหลของข้อมูลของคุณไปอยู่ในมือของผู้อื่น ได้เช่นกัน
“เราไม่ควรจะกลัว Gen AI และยอมรับว่ามันจะเป็นส่วนหนึ่งกับเรา เพราะจะช่วยส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ประหยัดเวลาได้มาก แม้จะมีข้อเสียที่หลายคนกังวลคือ AI จะลดการคิดวิเคราะห์และจะทำให้ไม่เรียนรู้ด้วยตัวเองอีกต่อไป เพราะฉะนั้นเราต้องใช้ AI เพื่อพัฒนา ไม่ใช่เพื่อแทนที่ทักษะของมนุษย์ทั้งหมด อย่างที่ Satya Nadella ซีอีโอของ Microsoft ได้กล่าวไว้ว่า AI ไม่ได้ลดความเป็นมนุษย์ แต่จะเพิ่มความเป็นมนุษย์ให้เรามากยิ่งขึ้น”