เอดจ์คอมพิวติ้งสำหรับภาคการผลิต ทำงานอย่างไร

748
0
Share:

เอดจ์คอมพิวติ้งเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่สุดสำหรับองค์กรที่มองหาวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการทำให้การดำเนินงานทันสมัยขึ้นและสามารถใช้เวอร์ชวลไลเซชันได้ ภาคการผลิตกำลังเปลี่ยนแปลงสู่การนำเทคโนโลยีด้านสารสนเทศ (IT) มาผสานใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีที่ใช้ในการดำเนินงาน (OT) เพื่อความโปร่งใสมากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ทันเวลามากขึ้น

 

 

ผู้ผลิตจำเป็นต้องลดการปล่อยมลพิษจากโรงงาน สร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า สนับสนุนระบบซัพพลายเชนที่ยืดหยุ่น รวมถึงลดดาวน์ไทม์ และตรวจจับปัญหาต่างๆ ให้ได้ก่อนที่จะเกิดผลกระทบต่อการผลิต

เน็ตเวิร์กฟังก์ชันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชันการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการควบคุมและการติดตามตรวจสอบด้วยระบบอัตโนมัติ การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต การขจัดระยะเวลาตอบสนองที่ใช้เวลามาก และการเพิ่มประสิทธิภาพด้านลอจิสติกส์ เป็นเพียงตัวอย่างที่กระตุ้นให้บริษัทผู้ผลิตใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีแบนด์วิธพอที่จะใช้บริหารจัดการข้อมูลจำนวนมากที่ได้รับเข้ามาและส่งออกไป ณ อุปกรณ์ปลายทางได้

เอดจ์คอมพิวติ้ง (แตกต่างจากคลาวด์คอมพิวติ้ง) ช่วยให้บริษัทผู้ผลิตใช้ระบบอัตโนมัติกับพื้นที่ในโรงงานทั้งหมดและกระบวนการด้านซัพพลายเชนผ่านโรโบติกส์ความสามารถสูงและการสื่อสารระหว่างเครื่องจักรกับเครื่องจักรที่อยู่ใกล้แหล่งที่มาของข้อมูล แทนที่จะต้องส่งข้อมูลกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์เพื่อวิเคราะห์และส่งการตอบสนองกลับมา เช่น การสแกนแผ่นโลหะเพื่อตรวจหาความเสื่อมสภาพ การติดตามสภาพการไหลเวียนผ่านท่อต่างๆ หรือการติดตามรอบการทำงานของเครื่องจักรอัตโนมัติ เพื่อปรับปรุงระยะเวลาในการตอบสนอง ซึ่งช่วยให้สามารถวิเคราะห์และทำการแก้ไขได้เร็วขึ้น

การรวบรวม การวิเคราะห์ และการดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลภายในพื้นที่โรงงานในเวลาเรียลไทม์ได้นั้น มีประโยชน์มากอย่างแท้จริง การลดดาวน์ไทม์ การคาดการณ์ด้านการบำรุงรักษาได้แม่นยำ และการปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์โดยรวม ส่งผลให้ได้รับผลผลิตมากขึ้น ลดความเสียเปล่า เพิ่มปริมาณงานที่ทำได้ในช่วงเวลาหนึ่งๆ และลดต้นทุนโดยรวม

ความท้าทาย
เอดจ์คอมพิวติ้งได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมการผลิตอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามแม้แต่บริษัทที่คุ้นเคยกับการทำงานข้ามโลเคชันอยู่แล้ว ก็ยังต้องพยายามกำจัดการทำงานแบบไซโลด้วยการนำ IT และ OT มาทำงานร่วมกัน

ความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีเพื่อภาคการผลิตทำให้อุปกรณ์ที่ใช้อยู่เดิมในโรงงานล้าสมัย กฎระเบียบใหม่ๆ ที่เรียกร้องให้มีการติดตามตรวจสอบการใช้พลังงาน ข้อมูลการสั่นสะเทือนของเครื่องจักร และการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ที่เข้มงวดขึ้น ยังมีส่วนให้จำเป็นต้องนำโซลูชันเอดจ์คอมพิวติ้งมาใช้กับเครื่องมือต่างๆ ที่มีอยู่ ด้วยพนักงานจำนวนน้อย และยืดหยุ่นเพียงพอที่จะปรับตัวและเติบโตตามความต้องการที่เปลี่ยนแปลงได้

องค์กรแต่ละแห่งมีความต้องการต่างกัน อย่างไรก็ตามผู้ใช้ปลายทางทุกคนต่างพึ่งพาความจำเป็นในการรวบรวม ดูแล วิเคราะห์ และดำเนินการกับข้อมูลที่ได้จากการสื่อสารจากแหล่งที่มาที่ต่างกันมากมาย ซึ่งมักมาจากโลเคชันหลากหลายหรือศูนย์ข้อมูลต่างๆ ช่องทางการส่งข้อมูลเหล่านี้ผ่านเน็ตเวิร์กแบบรวมศูนย์ทำให้เกิดคอขวดและทำให้ต้องใช้เวลาในการตอบสนองยาวนานขึ้น แต่เฟรมเวิร์กแบบแนวนอนทั่วไปที่ครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐานไอทีทั้งหมด สามารถช่วยบริหารจัดการแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่กระจายอยู่ในโลเคชันจำนวนมากได้ทั้งหมด

บริษัทบางแห่งใช้โซลูชันเอดจ์ที่มีส่วนประกอบของฮาร์ดแวร์หลายชนิดที่ทำงานด้วยกันไม่ได้ในพื้นที่ขนาดเล็กที่ขยายได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นอยู่แล้ว ทั้งยังมีการเพิ่มส่วนประกอบต่างๆ ตามความจำเป็น แล้วต่อเข้าด้วยกันเพื่อจัดการกับกระบวนการและเทคโนโลยีเฉพาะงานต่างๆ เมื่อเวลาผ่านไป ความซับซ้อนก็เพิ่มมากขึ้น ทำให้จัดการและปรับขนาดการทำงานได้ยากขึ้น บริการคลาวด์และโซลูชันอินเทอร์เน็ตออฟธิงค์ (IoT) ช่วยให้บริษัทผู้ผลิตบริหารจัดการความต้องการด้านโครงสร้างพื้นฐานที่เติบโตขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้สินทรัพย์และอุปกรณ์ที่มีอยู่อย่างจำกัดของตน

การบริหารจัดการการประมวลผลที่เอดจ์ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นจุดที่รวบรวมข้อมูลมหาศาลที่สร้างโดยอุปกรณ์เอดจ์ทั้งหลาย เป็นความท้าทายสำคัญอย่างแท้จริง บริษัทผู้ผลิตอาจมีสถานที่ตั้งหลายแหล่ง และแต่ละแห่งมีเครื่องจักรอัตโนมัติและกระบวนการจำนวนมากที่สตรีมข้อมูลจากหลายพันจุดต่อนาที เมื่อความต้องการเพิ่มขึ้น ปริมาณข้อมูลที่ส่งผ่านเซิร์ฟเวอวร์ต่างๆ ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วยซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความล่าช้าในการตอบสนอง ในบางกรณีความล่าช้าแบบนี้ถือเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ในบางกรณีอาจก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรง และส่งผลให้การทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ความยืดหยุ่น ความสามารถในการปรับขนาดได้ในระยะยาวเป็นสิ่งสำคัญที่บริษัทผู้ผลิตต้องมี เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วโดยกระทบต่อการดำเนินงานให้น้อยที่สุด

เอดจ์คอมพิวติ้งและโอเพ่นไฮบริดคลาวด์
แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าเอดจ์คอมพิวติ้ง นำมาซึ่งประสิทธิภาพการทำงานที่เทคโนโลยีแบบดั้งเดิมเทียบไม่ได้ แต่ก็ยังไม่ใช่โซลูชันครบวงจรที่จะช่วยขจัดความท้าทายหลากหลายที่บริษัทผู้ผลิตพบเจอได้ทั้งหมด เอดจ์คอมพิวติ้งจะมีพลังมากขึ้นเมื่อนำไปใช้ร่วมกับโครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นไฮบริดคลาวด์

โครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นไฮบริดคลาวด์ช่วยจัดการข้อมูลที่รวบรวมจากหลากหลายโลเคชั่น เพื่อปรับให้ตรงตามความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปได้ง่ายขึ้น ด้วยทรัพยากรในการประมวลผล เน็ตเวิร์ก และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่ยืดหยุ่น ซึ่งช่วยให้บริษัทผู้ผลิตรวบรวมข้อมูลเชิงลึก วิเคราะห์ปัญหาต่างๆ และพัฒนาโซลูชันได้เร็วขึ้น

การใช้พับลิคและไพรเวทคลาวด์จากแหล่งที่มาที่แตกต่างกัน เพื่อจัดการงานหลากหลาย ช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถใช้โครงสร้างพื้นฐานที่ติดตั้งอยู่ภายในองค์กรกับฟังก์ชันการทำงานที่สำคัญมากๆ ได้ โครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นไฮบริดคลาวด์มอบความยืดหยุ่นให้กับการจัดหาทรัพยากร และสร้างสภาพแวดล้อมเซิร์ฟเวอร์ที่สอดคล้องกันและยืดหยุ่นเพียงพอที่จะปรับใช้กับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงได้ง่ายขึ้น ช่วยให้ข้อมูลที่อยู่ที่เอดจ์ได้รับการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ที่ผ่านมา บริษัทผู้ผลิตพึ่งพาโซลูชันที่มีเจ้าของและผู้ให้บริการด้านระบบต่างๆ ที่เฉพาะทาง เพื่อจัดการกับความต้องการด้านเอดจ์คอมพิวติ้งที่เกิดขึ้นแบบทันทีทันใด แต่สิ่งนี้กำลังเปลี่ยนไปเมื่อผู้นำขององค์กรหันไปใช้โซลูชันที่สามารถพัฒนาและตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ การใช้แพลตฟอร์มที่ยืดหยุ่นและขยายการทำงานได้โดยไม่มีข้อจำกัดด้านความเป็นเจ้าของ ช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานร่วมกัน และช่วยให้ขยายการทำงานได้อย่างไม่สะดุด เติบโตอย่างราบรื่น และสร้างนวัตกรรมได้อย่างอิสระ

ประโยชน์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของการใช้เอดจ์คอมพิวติ้งบนโอเพ่นคลาวด์ คือ เป็นการขจัดการคอนฟิกระบบและแอปพลิเคชันที่ไม่เหมือนกันที่เคยคอนฟิกกันแบบแมนนวล ซึ่งใช้เวลานานและมีแนวโน้มจะเกิดความผิดพลาดออกไปได้ การจัดการและการสเกลเวิร์กโหลดต่างๆ ทำได้ด้วยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพียงเล็กน้อย ทีมงานยังสามารถโฟกัสการพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อสร้างรายได้เพิ่ม แทนที่จะต้องมาคอยคอนฟิกระบบหรือทำงานประจำซ้ำๆ

เอดจ์คอมพิวติ้งที่ใช้กับสภาพแวดล้อมไฮบริดคลาวด์ ยังรองรับกลไกที่ซ้ำซ้อน ช่วยให้กระบวนการต่างๆ ทำงานต่อเนื่องเมื่อมีส่วนประกอบหนึ่งล้มเหลวหรือต้องทำการซ่อมแซม ส่งผลให้ดาวน์ไทม์ลดลง เพิ่มความปลอดภัย และส่วนประกอบต่างๆ มีอายุการใช้งานนานขึ้น

เอดจ์คอมพิวติ้งสำหรับภาคการผลิตจากเร้ดแฮท
การตัดสินใจต่างๆ ที่สามารถทำได้อัตโนมัติแบบเรียลไทม์ ณ จุดทำงานในโรงงาน คืออนาคตของภาคการผลิต เอดจ์คอมพิวติ้งช่วยบูรณาการกระบวนการผลิตทุกด้าน เช่น การออกแบบ ซัพพลายเชน และการดำเนินงาน ซึ่งช่วยให้บริษัทต่างๆ ให้การตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้เร็วขึ้น ด้วยความยืดหยุ่นที่มีมากขึ้น และสิ้นเปลืองน้อยลง เอดจ์คอมพิวติ้งทำงานคู่กับโครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นไฮบริดคลาวด์ มอบความโปร่งใสแบบเรียลไทม์ เร่งให้เกิดการผลิตที่ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ มอบความสามารถในการปรับขนาดได้สูงสุด และสามารถใช้ประโยชน์จากบิ๊กดาต้าเพื่อทำการวิเคราะห์ข้อมูลทุกจุดบนโครงสร้างพื้นฐานไอที

การใช้เอดจ์คอมพิวติ้ง ต้องการแนวคิดที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ การใช้เครื่องมือและกระบวนการต่างๆ ที่จำเป็นในไซต์งานหลายพันแห่ง ด้วยพนักงานด้านไอทีเพียงไม่กี่คนหรือไม่มีเลย เป็นความท้าทายแม้ดูเสมือนว่าจะมีความเป็นไปได้ นอกจากนี้ edge tier แต่ละระดับยังมีความต้องการที่แตกต่างกันเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์ฟุตพริ้นท์ พารามิเตอร์ของสภาพแวดล้อมการทำงานทางกายภาพ และค่าใช้จ่าย โดยมาก เวนเดอร์รายเดียวไม่สามารถจัดหาโซลูชันครบวงจรได้ มาตรฐานการทำงานร่วมกันขึ้นอยู่กับทรัพยากรที่ได้รับจากเวนเดอร์หลายราย เพื่อสร้างความสอดคล้องเข้ากันได้ให้กับสถาปัตยกรรมไอทีทั้งหมด

ทำไมต้องเร้ดแฮท
เร้ดแฮทมีพอร์ตโฟลิโอโซลูชันที่ครบครันซึ่งช่วยบริษัทผู้ผลิตวางแผน ปรับใช้ และใช้เทคโนโลยีที่จำเป็น เพื่อทรานฟอร์มสู่เอดจ์คอมพิวติ้งบนโอเพ่นไฮบริดคลาวด์ได้อย่างประสบความสำเร็จ Red Hat® Enterprise Linux® มอบโครงสร้างพื้นฐานด้วยระบบนิเวศขนาดใหญ่สำหรับการสร้างและการรันแอปพลิเคชันและคอนเทนเนอร์ Red Hat® OpenShift® เป็นสภาพแวดล้อม Kubernetes ประสิทธิภาพสูงสำหรับการสร้าง ใช้งาน และบริหารจัดการแอปพลิเคชันที่เป็นคอนเทนเนอร์ที่อยู่บนโครงสร้างพื้นฐานใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่อยู่ภายในองค์กร เวอร์ชวล หรือบนคลาวด์ Red Hat Edge มอบแพลตฟอร์มเพื่อรองรับเวิร์กโหลดขององค์กรทุกที่ที่องค์กรต้องการ ส่วน Open Innovation Labs residency ช่วยเชื่อมโยงนวัตกรรมกับเครื่องมือต่างๆ เพื่อนำไอเดียและศักยภาพของทีมงานขององค์กรให้เป็นจริง

บทความโดย คุณสุพรรณี อำนาจมงคล ผู้จัดการประจำประเทศไทย เร้ดแฮท

Share: