เช็กให้ชัวร์เรื่อง “ภาษี” เงินเดือนเท่านี้ต้องเสียภาษีเท่าไหร่

760
0
Share:

การเสียภาษี เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่มีรายได้ แต่จะเสียมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับฐานรายได้ หากใครอยากประหยัดภาษีมากขึ้น ต้องรู้จักวางแผนเรื่องภาษี เพราะภาครัฐมีการให้สิทธิประโยชน์กับผู้มีเงินได้ทุกคนในการลดหย่อนภาษี ซึ่งในแต่ละปีอาจเปลี่ยนแปลงไป เราจึงต้องหมั่นอัปเดตสิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างสม่ำเสมอ เพื่อจะได้วางแผนประหยัดภาษีอย่างถูกต้องเหมาะสม และก่อนจะสิ้นปีนี้ fintips by ttb อยากชวนมนุษย์เงินเดือนมาเช็กกันอีกทีว่า ปีนี้เรามีรายได้ หรือเงินเดือนเท่านี้ต้องเสียภาษีเท่าไหร่!

เริ่มต้นด้วยมารู้จักวิธีคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดากันดังนี้

 

 

1. คำนวณหาเงินได้สุทธิ
อย่างแรกเราต้องคำนวณหาเงินได้สุทธิเพื่อนำมาใช้ในการคำนวณภาษีก่อน โดยการนำเงินได้ทั้งปี 2566 มารวมกัน แล้วหักด้วยค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน ตามสูตร

เงินได้ทั้งปี – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิ

ซึ่งเราสามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 50% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท ส่วนค่าลดหย่อน จะมีอยู่หลายรายการที่นำมาลดหย่อนได้ แต่ที่นำมาลดหย่อนได้ทันทีเลย ก็คือ ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท และค่าประกันสังคมตามที่จ่ายจริง สูงสุด 9,000 บาท

2. คำนวณภาษีที่ต้องจ่ายแบบขั้นบันได
ต่อมาให้นำเงินได้สุทธิมาเทียบกับอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแบบขั้นบันได โดยนำเงินได้สุทธิคูณกับอัตราภาษีแต่ละขั้น เพื่อหาว่าเราต้องจ่ายภาษีเท่าไหร่ ตามสูตร

ภาษี = [(เงินได้สุทธิ – เงินได้สุทธิสูงสุดของขั้นก่อนหน้า) x อัตราภาษี ]+ ภาษีสะสมสูงสุดของขั้นก่อนหน้า

ตัวอย่าง นายทีมีรายได้ทั้งปี 500,000 บาท ไม่มีตัวช่วยลดหย่อนเพิ่มเติมเลย สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 100,000 บาท ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท และค่าลดหย่อนจากประกันสังคม 9,000 บาท จะได้เงินได้สุทธิ 500,000 – 100,000 – 60,000 – 9,000 เท่ากับ 331,000 บาท จากนั้นนำเงินได้สุทธิไปเทียบอัตราภาษีแบบขั้นบันได ซึ่งจะอยู่ระหว่างฐาน 300,001 – 500,000 บาท อัตราภาษี 10% ซึ่งทำให้นายทีต้องเสียภาษี (331,000 – 300,000) x 10% + 7,500 เท่ากับ 10,600 บาท

จะเห็นได้ว่า นายทีมีรายได้ทั้งปีสูงถึง 500,000 บาท แต่ถ้าไม่มีตัวช่วยลดหย่อนอื่น ๆ เพิ่มเติมเลย จะทำให้นายทีต้องชำระภาษีถึง 10,600 บาท

 

 

 

จากตัวอย่างข้างต้น มนุษย์เงินเดือนที่มีเงินเดือน 30,000 บาท 50,000 บาท และ 100,000 บาท หากไม่มีตัวช่วยลดหย่อนเพิ่มเติม จะทำให้เสียภาษี 2,050 บาท 20,600 บาท และ 122,750 บาท ตามลำดับ แต่ถ้าต้องการเซฟเงินในกระเป๋าให้มากขึ้น วันนี้ ttb มีเคล็ดลับดีๆ ที่เรียกได้ว่า “ยิงปืนนัดเดียว ได้นกสองตัว” มาแนะนำ เพราะนอกจากจะได้สิทธิลดหย่อนภาษีปี 2566 ที่ช่วยให้ประหยัดภาษีขึ้นแล้ว ยังสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี อย่างการลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีจาก ทีทีบี ซึ่งมีให้เลือกทั้งกองทุนรวม SSF และ RMF อีกด้วย

1. SSF (Super Savings Fund) คือ กองทุนรวมเพื่อการออม สามารถลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท โดยมีเงื่อนไขดังนี้
– ต้องถือหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10 ปี นับจากวันที่ซื้อ
– ไม่มีขั้นต่ำในการซื้อและไม่ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี

2. RMF (Retirement Mutual Fund) คือ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ สามารถลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท โดยมีเงื่อนไขดังนี้
– ไม่มีขั้นต่ำในการซื้อ แต่ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี หรืออย่างน้อยปีเว้นปี
– ต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ซื้อครั้งแรก โดยนับเฉพาะปีที่มีการซื้อหน่วยลงทุน คือ ปีใดไม่ลงทุนจะไม่นับว่ามีการลงทุนในปีนั้น
– ขายได้ตอนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์เป็นต้นไป

ทั้งนี้ เมื่อรวมกับ กบข., กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน, กองทุนการออมแห่งชาติ และประกันชีวิตแบบบำนาญ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

โดยทีทีบีมีตัวช่วยลดหย่อนภาษี ที่ลงทุนง่าย สบายใจอย่าง ttb smart port SSF มาแนะนำ ซึ่งมีให้เลือกลงทุนตามเป้าหมายและตามความเสี่ยงที่แต่ละคนรับได้ และหากใครยังเลือกไม่ได้ เราคัดกองทุนลดหย่อนภาษีเด่น สร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีมาให้แล้ว ทั้ง SSF RMF กับกองเด่นลดหย่อนภาษี ปี 2566

 

 

 

นอกจากนี้ ยังมีโปรโมชันกองทุนลดหย่อนภาษีปี 2566 มาฝาก โดยเมื่อซื้อหรือสับเปลี่ยนเข้ากองทุน RMF/ SSF ของ บลจ. 5 แห่ง ที่เข้าร่วมโปรโมชัน หรือโอนกองทุน LTF จาก บลจ. อื่นเข้ากองทุน LTF ของ บลจ. 4 แห่ง ที่เข้าร่วมโปรโมชัน (ยกเว้น ONEAM) ทุกๆ 50,000 บาท ของการลงทุนในแต่ละ บลจ. จะได้รับเงินลงทุนเพิ่มในกองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market) จำนวน 100 บาท (ตาม บลจ. ที่ได้ลงทุน) ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม – 29 ธันวาคม 2566 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมคลิก!
https://www.ttbbank.com/th/promotion/detail/rmf-ssf-2023-pr-dec

ช่วงใกล้สิ้นปีไม่ว่างานจะยุ่งแค่ไหน แต่เรื่องภาษีมีความสำคัญ ดังนั้น มนุษย์เงินเดือนต้องไม่พลาด เช็กให้ชัวร์ว่าปีนี้ต้องเสียภาษีเท่าไหร่ และหากใครอยากประหยัดภาษี สามารถทำได้ด้วยการวางแผนภาษี ซึ่งหากวางแผนดีๆ รับรองช่วยเซฟภาษี ทำให้มีเงินเหลือเก็บเพิ่มขึ้นได้ด้วย

อ่านบทความฉบับเต็ม คลิกเลย! https://www.ttbbank.com/th/fintips-tax-salary-pr
หรือติดตามเคล็ดลับการเงินอื่นๆ จาก fintips by ttb ได้ที่เว็บไซต์ทีทีบี เลือก “เคล็ดลับการเงิน”
คลิก https://www.ttbbank.com/th/fintips-100

คำเตือน
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานกองทุนก่อนตัดสินใจลงทุน / กองทุนนี้ลงทุนในต่างประเทศ จึงมีความเสี่ยงที่ทางการของต่างประเทศอาจออกมาตรการในภาวะที่เกิดวิกฤตการณ์ที่ไม่ปกติ ทำให้กองทุนไม่สามารถนำเงินกลับเข้ามาในประเทศ ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ลงทุนไม่ได้รับคืนเงินตามระยะเวลาที่กำหนด / กองทุนนี้มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนในต่างประเทศ ถึงแม้ว่ากองทุนอาจป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนรวม แต่เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ กองทุนที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดเงื่อนไขการลงทุนให้ครบถ้วน / สอบถามข้อมูล และขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ ttb ทุกสาขา หรือที่ ttb investment line โทร 1428 กด # 4 ทุกวันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 9:00 – 17:30 น. (ยกเว้นวันหยุดธนาคาร)

Share: