“สหพัฒนพิบูล” ร่วมเป็น 1 ในภาคีเครือข่าย กทม. รวมพลังชาว SPC พร้อมใจกันปลูกป่าชายเลน เดินหน้ารักษ์สิ่งแวดล้อมตามแนวทางธุรกิจที่ยั่งยืน
การดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนตามแนวคิดของ ESG (Environment, Social, Governance) เป็นเทรนด์ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญต่อวิกฤตการณ์การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่นับวันต่างก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น สำหรับประเทศไทยเอง แนวคิด ESG ได้กลายมาเป็นนิยามใหม่เพื่อธุรกิจ โดยหลายองค์กรตระหนักถึงการดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อม ไม่ได้หวังเพียงแค่ผลกำไรเพียงอย่างเดียว ซึ่งธุรกิจที่ดำเนินตามแนวคิด ESG สะท้อนถึงศักยภาพขององค์กรที่สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัลได้อย่างชัดเจน
บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) หรือ SPC ผู้จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภคชั้นนำของไทย นำโดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองประธานกรรมการ บริษัทฯ นำทีมคณะผู้บริหารและพนักงาน ได้ร่วมเป็น 1 ในภาคีเครือข่ายกับ สำนักงานเขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร จัดแคมเปญ “SPC Zero #GoGrowGreen” ซึ่งมีกิจกรรมหลัก คือ การปลูกป่าชายเลนเพื่อสร้างพื้นที่สีเขียว มุ่งฟื้นฟูและอนุรักษ์พื้นที่ป่าชายเลนในเขตบางขุนเทียน พื้นที่สำคัญในการรักษาสมดุลทางนิเวศวิทยาและป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง โดยมีคณะผู้บริหารและพนักงาน สหพัฒนพิบูล (SPC) ร่วมมือร่วมใจกันลงพื้นที่ทำกิจกรรมปลูกป่าชายเลน ณ บางขุนเทียนชายทะเล
“ปัญหาสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังเป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญในการช่วยกันบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา สหพัฒนพิบูล (SPC) ได้ดำเนินโครงการ “Green PLEASE by SPC” เป็นโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยการนำขวดพลาสติก ที่ใช้แล้วกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ โดยในปีนี้ภายใต้โครงการดังกล่าว ได้จัดทำแคมเปญ “SPC Zero #GoGrowGreen” เป็นการรวมพลังพนักงาน SPC ร่วมกันปลูกป่าชายเลนเพื่อลดการกัดเซาะพื้นที่ชายฝั่งและช่วยดูดซับคาร์บอน อีกภารกิจสำคัญของ SPC เพื่อมุ่งเน้นให้พนักงานในองค์กรตื่นตัวมีจิตสำนึกในการรักษ์สิ่งแวดล้อมและพร้อมขับเคลื่อนการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรมตามหลักการ ESG ซึ่งหลังจากนี้ SPC จะมีการดำเนินกิจกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองประธานกรรมการ กล่าวถึงความร่วมมือร่วมใจของพนักงานสหพัฒนพิบูลในการจัดกิจกรรมปลูกป่าชายเลนในครั้งนี้
“ปัจจุบันชายฝั่งทะเลบางขุนเทียน ถูกน้ำทะเลกัดเซาะลึกเข้ามาเกือบ 1 กิโลเมตร ระยะทางยาว 4.7 กิโลเมตร พื้นที่ป่าชายเลนหายไป 2,735 ไร่ โดยที่ผ่านมากรุงเทพมหานคร ร่วมกับภาคเครือข่าย มีการปลูกป่าชายเลน เพื่อฟื้นฟูไปแล้ว 233 ไร่ ทางสำนักงานเขตบางขุนเทียนได้ระดมการปลูกป่าชายเลนด้วยการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ เพื่อประคองต้นกล้าให้อยู่รอดและเติบโตแข็งแรง และช่วยลดความแรงของคลื่น ไม่ว่าจะเป็นการทำแนวป่าไม้ไผ่เพื่อกั้นคลื่น การทำแนวจากเสาไฟฟ้าเก่าเพื่อลดการกัดเซาะ และการปลูกต้นโกงกางด้วยนวัตกรรมท่อซีเมนต์ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่าย 107 หน่วยงาน ในการร่วมปลูกป่าชายเลน คิดเป็นพื้นที่ปลูกประมาณ 34 ไร่ และในครั้งนี้ขอขอบคุณทางสหพัฒนพิบูลที่เป็นส่วนหนึ่งในความร่วมมือร่วมใจกันฟื้นฟูธรรมชาติของป่าชายเลนบางขุนเทียน ซึ่งเป็นป่าชุมชนของกรุงเทพมหานครที่มีความสำคัญ เนื่องจากเป็นด่านหน้าที่คอยป้องกันการกัดเซาะของน้ำทะเล” นางภัสรา นทีทอง ผู้อำนวยการเขตบางขุนเทียน กล่าวถึงสถานการณ์น้ำทะเลกัดเซาะพื้นที่ชายฝั่งและการปลูกป่าชายเลนเพื่อแก้ไขปัญหา ภายใต้การมีส่วนร่วมขององค์กรภาครัฐและเอกชน
นอกจากการปลูกป่าชายเลนแล้ว ทางบริษัทฯ ยังได้มอบสินค้าอุปโภคบริโภคให้กับกลุ่มผู้เปราะบางในพื้นที่ จาก 7 ชุมชน ประกอบด้วย ชุมชนคลองพิทยาลงกรณ์ ชุมชนหลวงพ่อเต่า ชุมชนคลองสาม ชุมชนศรีกุมารชุมชนแสนตอ ชุมชนเสาธง และชุมชนชายทะเลบางขุนเทียน ตามโครงการ BKK FOOD BANK เป็นโครงการที่สร้างความมั่นคงทางอาหารให้แก่คนเมือง (food safety) และส่งต่อความช่วยเหลือให้กลุ่มเปราะบาง ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ สหพัฒนพิบูล (SPC) ทำมาอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมเพื่อดูแลผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่คุณค่าของบริษัท
สหพัฒนพิบูล (SPC) ยังคงเดินหน้าต่อไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะดำเนินโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและผู้มีส่วนได้เสีย พร้อมอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามหลักการ ESG เพื่อให้ทุกชีวิตในสังคมเติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืน